สิ่งที่ควรจะคิด ก่อนจะซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า

1. ความน่าเชื่อถือของร้านที่ซื้อ ยี่ห้อ การรับประกันสินค้า

อันนี้เป็นเรื่องสำคัญครับ ถ้าคุณไม่อยากเสี่ยงกับลู่วิ่งไฟฟ้าที่พึ่งซื้อมาแล้วเสียแต่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจาก ซื้อใหม่ 🙁

ควรซื้อยี่ห้อที่มีศูนย์อยู่ในประเทศไทย มีรับประกันอย่างน้อย 1 ปี ถ้าได้ 5 ปีก็จะดีมาก

2. มอเตอร์
สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องมอเตอร์มาก่อนอาจจะยากหน่อย แต่ไม่เกินไปหรอกครับ กับการที่คุณจะได้รู้ทีหลังว่า คุณตัดสินใจไม่ผิด

มอเตอร์มีหน่วยวัดเป็น”แรงม้า” ซึ่งที่มอเตอร์บางยี่ห้อก็บอกเป็น แรงม้าต่อเนื่อง บางยี่ห้อก็จะบอกเป็น แรงม้าสูงสุด อันนี้ต้องแยกดี ๆ

สำหรับขนาดที่แนะนำสำหรับวิ่งก็คือ 2.5 แรงม้า(แรงม้าต่อเนื่อง) ขึ้นไป

ส่วนถ้าคนที่ต้องการซื้อมาเพื่อเดินเป็นหลัก ใช้ 1.5 แรงม้า(แรงม้าต่อเนื่อง) ก็เพียงพอแล้ว

3. สายพาน
สำหรับขนาดที่แนะนำสำหรับวิ่งก็คือ กว้าง 50 ยาว 150 เซนติเมตรขึ้นไป เลือกแบบที่ความหนามากกว่า 2 มิลลิเมตรก็ดี

หากใช้เดินเป็นหลัก จะลดขนาดลงมาหน่อยก็ได้นะครับ

4. ความเร็วสูงสุด
หากไม่ได้จะฝึกฝนเพื่อเป็นเป็นนักวิ่งก็ไม่ต้องสนใจข้อนี้มากก็ได้ครับ ส่วนใหญ่ลู่วิ่งไฟฟ้าก็จะเผื่อความเร็วมาให้ระดับหนึ่งแล้ว

5. น้ำหนักที่รับได้
เผื่อให้เกินน้ำหนักตัวไปด้วยนะครับ ในรายละเอียดจะมีบอกน้ำหนักที่รับได้อยู่ ลองขอพนักงานที่ร้านขึ้นไปลองวิ่งดูเลยครับ ว่ารู้สึกว่าแข็งแรงรับน้ำหนักเราได้สบาย ๆ วิ่งแล้วต้องไม่มีเสียงชิ้นส่วนไหนของลู่วิ่งที่เสียดสีกัน (นอกจากสายพาน)

6. ระบบความปลอดภัย และลูกเล่นอื่น ๆ
หากเป็นมือใหม่ ลู่วิ่งไฟฟ้าควรจะมีระบบหยุดทำงานเมื่อผู้วิ่งพลาดหกล้ม

ลูกเล่นอื่น ๆ อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคลแล้วครับ ที่เห็นมีส่วนใหญ่ก็ เช่น ปรับระดับความชันได้ วัดปริมาณแคลอรี่ วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เชื่อมต่ออุปกรณ์ฟังเพลง ฯลฯ